banner

รัฐมนตรีพลังงานยืนยันปรับแผนพีดีพี 2015 ใหม่ให้ความสำคัญพลังงานทดแทนมากขึ้น

รัฐมนตรีพลังงาน ยืนยันปรับแผน PDP2015 มีความชัดเจนภายในสิ้นปี 2560 ซึ่งจะให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนมากขึ้น  โดยคำนึงปัจจัยความมั่นคงพลังงาน  ราคาที่เป็นธรรมไม่เป็นภาระประชาชน และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

                      พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานสัมมนาอนาคตธุรกิจพลังงานไทย ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2560 ว่า กระทรวงพลังงานยืนยันให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว พ.ศ. 2558-2579 หรือ PDP 2015 ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนภายในสิ้นปี 2560 นี้ โดยเบื้องต้นกำลังศึกษาความเหมาะสมว่าจะขยายสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งหมด(พลังงานรวมกับความร้อน) จาก 30% เป็น 40% ของปริมาณพลังงานทดแทนทั้งหมดตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุได้หรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณา 3 ด้านประกอบกัน ได้แก่ ด้านความมั่นคงพลังงาน  ด้านราคาที่เป็นธรรมไม่เป็นภาระประชาชน และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน นอกจากนี้จะปรับเปลี่ยนการพิจารณาปริมาณสำรองไฟฟ้าประเทศใหม่ จากปัจจุบันที่เน้นดูปริมาณสำรองไฟฟ้าโดยรวมทั้งประเทศ ซึ่งขณะนี้มีสูงถึง 30% ของปริมาณไฟฟ้าทั้งหมด แต่การปรับแผน PDP ใหม่ครั้งนี้จะพิจารณาปริมาณสำรองเป็นรายภูมิภาคแทน รวมถึงศึกษาการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าตามภูมิภาคด้วย เพื่อทำให้สำรองไฟฟ้าเกิดความเหมาะสม หากพื้นที่ใดสำรองไฟฟ้ามากก็สามารถแบ่งปันให้ภาคอื่นได้ เป็นต้น พลเอกอนันตพร กล่าวด้วยว่า กระทรวงพลังงานกำลังเดินหน้าเรื่องการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบผสมผสานสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP Hybrid ) ซึ่ง 2-3 เดือนนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบไฮบริดจะเข้ามาทดแทนพลังงานหลักได้ดีเพียงใด และจะทำให้ราคาต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงได้หรือไม่ โดยหากประสบผลสำเร็จกระทรวงพลังงานจะผลักดันพลังงานทดแทนให้ได้มากขึ้นต่อไป สำหรับความคืบหน้าการเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งสัมปทานที่จะหมดอายุ (แหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ) นั้น หากร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับระบบแบ่งปันผลผลิต(PSC) และเงื่อนไขการประมูล(TOR) ผ่านกฤษฎีกาและเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ทันในสิ้นเดือน ส.ค. 2560 นี้ กระทรวงพลังงานก็จะสามารถประกาศ TOR ได้ภายในเดือน ก.ย.- ต.ค. 2560 และจะรู้ผลการประมูลต้นปี 2561 ได้ โดยหากดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าวได้เร็วก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ชัดเจนขึ้นและจะช่วยให้กำลังผลิตก๊าซธรรมชาติของไทยเดินหน้าได้ต่อเนื่อง

 

ที่มา : Energy News Center